ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

ฉบับปรับปรุง วันที่ 30 เมษายน 2568

เรียนผู้ที่ใช้บริการ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และผู้รับมอบฉันทะของท่าน

หน่วยงาน สถาบันนโยบายสาธารณะ ม.สงขลานครินทร์ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และพยายามมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่าน (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) ตามกฎหมายไทย

ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้อธิบายถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้

• ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพประเภทใดบ้างที่หน่วยงานเก็บรวบรวม โดยที่ข้อมูลดังกล่าวรวมถึงข้อมูลที่ท่านมอบให้แก่หน่วยงานเกี่ยวกับตัวท่านเอง หรือบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของท่าน (“ท่าน”) ซึ่งรวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง กรรมการ ผู้แทน ผู้ถือหุ้น หรือผู้รับประโยชน์จากการทําธุรกรรมในทอดสุดท้าย (Ultimate Beneficial Owner) ของท่านในกรณีที่ท่านเป็นนิติบุคคล หรือผู้รับมอบฉันทะของบุคคลดังกล่าว
• หน่วยงานใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
• หน่วยงานเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลใดบ้าง
• ทางเลือกที่หน่วยงานนำเสนอให้แก่ท่าน รวมถึงวิธีการเข้าถึง และดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพของท่านเป็นปัจจุบัน
• สิทธิที่ท่านมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้แก่อะไรบ้าง และกฎหมายนั้นปกป้องคุ้มครองท่านอย่างไร

1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

หน่วยงานเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพของท่าน จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายดังต่อไปนี้ แต่ไม่จำกัดเพียง

• เมื่อท่านสมัครเข้าร่วมงาน หรือ ใช้บริการของหน่วยงาน
• เมื่อท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือใช้แอปพลิเคชันของหน่วยงานผ่านทางมือถือ ซึ่งรวมถึงคุกกี้ และซอฟต์แวร์ทางอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมผ่านทางนโยบายสำหรับคุกกี้ของหน่วยงาน
• แบบสำรวจข้อมูล
• เมื่อหน่วยงานได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่น นายจ้างของท่าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ หน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจ หรือหน่วยงานของรัฐอื่นใด เป็นต้น

ในบางกรณี หน่วยงานอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งข้อมูลออนไลน์ และออฟไลน์เพิ่มเติม รวมถึงการเก็บรวบรวมในเชิง……จากแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม เช่น ข้อมูลจากหน่วยงานที่เก็บรวบรวมข้อมูลสุขภาพ (รวมถึง หน่วยงานของรัฐ) หน่วยงานอาจรวมข้อมูลนี้เข้ากับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่หน่วยงานเก็บรวบรวมภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่หน่วยงานเก็บรวบรวมภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีดังต่อไปนี้ แต่ไม่จำกัดเพียง

• ข้อมูลส่วนตัว: ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด สถานภาพการสมรส หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขอื่น ๆ รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏอยู่บนเอกสารที่รัฐออกให้เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี สัญชาติ รูปปรากฏในหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่ ลายมือชื่อ ข้อมูลการยืนยันตัวตน ข้อมูลที่หน่วยงานได้รับจากท่านจากคำถามยืนยันตัวตนของระบบ (เช่น รหัสผ่าน คำตอบในกรณีที่ท่านลืมรหัสผ่าน PINs ข้อมูลการจดจำใบหน้าและเสียง เป็นต้น) ภาพถ่าย และภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV)
• ข้อมูลสุขภาพ: น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ยาประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ประวัติสุขภาพ ประวัติทางการแพทย์ ประวัติการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ประวัติอาการบาดเจ็บ ประวัติการสูบบุหรี่ ประวัติการออกกำลังกาย ประวัติการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา/การแข่งขัน
• ข้อมูลครอบครัว: ความสัมพันธ์ ชื่อ และข้อมูลการติดต่อของสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งคู่สมรส และบุตร
• ข้อมูลการติดต่อ: ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ และรายละเอียดโปรไฟล์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย (social media)
• ข้อมูลการศึกษา: รายละเอียดเกี่ยวกับการศึกษา และคุณสมบัติของท่าน
• ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์: ที่อยู่ IP คุกกี้ บันทึกกิจกรรม ข้อมูลระบุตัวตน ตัวระบุออนไลน์ ค่าเอกลักษณ์ประจำอุปกรณ์ (Unique Device Identifiers) และข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์
• ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด (CCTV) และข้อมูลทางภูมิศาสตร์: ข้อมูลที่แสดงถึงตำแหน่งการเข้าร่วมงาน หรือการแข่งขันเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย หรือเพื่อระบุตำแหน่งของงาน หรือหน่วยให้บริการที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับท่าน
• ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data): ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ ซึ่งรวมถึงข้อมูลของท่านเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อท่านในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

2. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

หน่วยงานอาจเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพของท่านเฉพาะในกรณีที่หน่วยงานมีเหตุผลที่เหมาะสมในการดำเนินการเช่นว่านั้น ทั้งนี้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพให้กับบุคคลภายนอกด้วย

หน่วยงานจะใช้ฐานทางกฎหมายอย่างน้อยหนึ่งฐานต่อไปนี้ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

• เมื่อเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาที่หน่วยงานทำไว้กับท่าน (ฐานการปฏิบัติตามสัญญา) - กล่าวคือ เมื่อหน่วยงานต้องการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อที่จะให้บริการแก่ท่านตามสัญญา หรือก่อนที่หน่วยงานจะเข้าทำสัญญากับท่าน
• เมื่อเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงาน (ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย) - กล่าวคือ เมื่อหน่วยงานมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือภาระข้อผูกพันตามกฎหมาย
• เมื่อเป็นผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงาน (ฐานผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย) - กล่าวคือ เมื่อหน่วยงานเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานตามที่กฎหมายอนุญาต เว้นแต่ผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานนั้นมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน
• เมื่อท่านให้ความยินยอม (ฐานความยินยอม) - กล่าวคือ เมื่อท่านให้ความยินยอมแก่หน่วยงานในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่ง

วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายที่หน่วยงานใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นดังต่อไปนี้

กรณีที่ท่านไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่หน่วยงานได้

ในกรณีที่หน่วยงานจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพของท่านตามกฎหมาย หรือภายใต้ข้อกำหนดในสัญญาระหว่างหน่วยงานและท่าน และท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่หน่วยงาน หน่วยงานอาจไม่สามารถปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันที่หน่วยงานมีต่อท่าน หรือตามที่หน่วยงานวางแผนว่าจะเข้าทำสัญญากับท่านได้ (เช่น เพื่อให้บริการด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล) ในกรณีดังกล่าว หน่วยงานอาจปฏิเสธการให้บริการที่เกี่ยวข้อง แต่หน่วยงานจะแจ้งให้ท่านทราบถึงกรณีเช่นว่านั้นในขณะที่หน่วยงานเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

หน่วยงานอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่นในกรณีที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย รวมถึงกรณีดังต่อไปนี้ที่หน่วยงาน หรือบุคคลอื่นดังกล่าว

• จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่เกี่ยวข้องกับบริการ หรือผลิตภัณฑ์ (เช่น เพื่อปฏิบัติตามคำขอตรวจประเมินสุขภาพ เป็นต้น)
• จำเป็นต้องรายงานตามกฎหมาย ดำเนินคดี ใช้สิทธิตามกฎหมาย หรือปกป้องสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
• กระทำไปเพื่อผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงาน (เช่น เพื่อบริหารความเสี่ยง ยืนยันตัวตน ให้หน่วยงานอื่นสามารถให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ หรือประเมินความเหมาะสมของท่านต่อผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ)
• ขอความยินยอมจากท่านในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว และท่านให้ความยินยอม

หน่วยงานอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ที่กล่าวข้างต้นให้กับบุคคลอื่นดังต่อไปนี้

• หน่วยงานอื่น ๆ ในกลุ่มของการจัดกิจกรรม และผู้รับเหมาช่วง ตัวแทน หรือผู้ให้บริการที่ทำงานให้หน่วยงาน หรือให้บริการแก่หน่วยงาน หรือแก่หน่วยงานอื่น ๆ ในกลุ่มของผู้จัดกิจกรรม รวมถึงพนักงาน ผู้รับเหมาช่วง ผู้ให้บริการ คณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่ของผู้ให้บริการดังกล่าวนี้ด้วย
• ตัวแทน ตัวแทนของหน่วยงาน ส่วนงานพยาบาล ระบบการลงทะเบียน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่ท่านลงทะเบียนเข้าร่วม
• หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย รัฐบาล ศาล กระบวนการทางศาล หน่วยงานระงับข้อพิพาท ผู้กำกับดูแลด้านสาธารณะสุข และบุคคลใด ๆ ซึ่งแต่งตั้ง หรือร้องขอโดยผู้กำกับดูแลด้านสาธารณสุขให้ทำการตรวจสอบกิจกรรมการดำเนินงานของหน่วยงาน
• บุคคลใด ๆ ที่ออกคำสั่ง หรือบริหารจัดการข้อมูลของท่าน ผลิตภัณฑ์ หรือบริการในนามของท่าน (เช่น ผู้รับมอบอำนาจ ทนายความ เป็นต้น)
• บุคคลใด ๆ ที่หน่วยงาน ได้รับคำสั่งจากท่านให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพของท่านให้กับบุคคลดังกล่าว
• ฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมด้านสุขภาพและความปลอดภัย รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในด้านดังกล่าวด้วย

เว้นแต่ได้กำหนดไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ หน่วยงานจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลสุขภาพเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ หากหน่วยงานจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ หน่วยงานจะแจ้งให้ท่านทราบ และขอความยินยอมจากท่านก่อนการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้หน่วยงานดำเนินการดังกล่าวได้โดยไม่ต้องอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิให้ความยินยอม หรือปฏิเสธการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

หน่วยงานจะปฏิบัติต่อข้อมูลที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานซึ่งเกี่ยวข้องกับท่าน หรือผู้รับมอบฉันทะของท่าน ในอนาคต ปัจจุบัน และในอดีตตามประกาศความเป็นส่วนตัวนี้อย่างเคร่งครัด

การส่ง หรือโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกโอนไปยังต่างประเทศ และถูกเก็บรวบรวม และ/หรือใช้ในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ประเทศเช่นว่านั้นอาจไม่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ดังที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะได้ประกาศกำหนด ในกรณีดังกล่าว หน่วยงานจะทำให้มั่นใจว่าการส่งหรือโอนดังกล่าวมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่เหมาะสม และการส่ง หรือโอนข้อมูลดังกล่าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเปิดเผยให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ในกลุ่มของการจัดกิจกรรมกีฬาตามนโยบายหรือกฎเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายในองค์กร (Binding Corporate Rules - BCRs) หรือสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานในกลุ่มของการจัดงานกีฬาทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์หรือข้อกำหนดที่เหมือนกันในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านต้องการขอรับสำเนา BCRs ท่านสามารถติดต่อหน่วยงานได้ที่ [email protected] หน่วยงานอาจต้องส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างท่านและหน่วยงานเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ปกป้องคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และ/หรือ เพื่อผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงาน อย่างไรก็ตามกฎหมายของบางประเทศอาจกำหนดให้หน่วยงาน ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบางประเภท (เช่น เปิดเผยให้กับหน่วยงานทางด้านสาธารณสุข) ในกรณีเช่นว่านั้น หน่วยงาน จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลที่มีสิทธิเห็น หรือเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเท่านั้น

4. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

หน่วยงานจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวเท่านั้น กล่าวคือ เพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงานตามกฎหมาย เพื่อให้บริการตามที่ท่านร้องขอ หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

หน่วยงานจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นเวลา 10 ปีภายหลังจากที่ท่านไม่ได้เป็นผู้ใช้บริการของหน่วยงานแล้ว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของหน่วยงานในการดำเนินข้อพิพาททางสัญญาใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นนั้นในระยะเวลาดังกล่าว เว้นแต่กรณีที่มีเหตุผลทางกฎหมาย หรือเหตุผลทางเทคนิครองรับ หน่วยงานอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานกว่า 10 ปีได้ หากหน่วยงานไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาข้อมูลของท่านแล้ว หน่วยงานจะทำลาย ลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ (เพื่อที่ข้อมูลดังกล่าวจะไม่มีความเชื่อมโยงถึงท่านอีกต่อไป)

ในกรณีที่ท่านได้ใช้บริการ และ/หรือผลิตภัณฑ์จากบุคคลที่สาม เช่น ผู้จัดงานกิจกรรมกีฬาที่หน่วยงานแนะนำให้ท่าน บุคคลที่สามดังกล่าว อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามข้อกำหนด และเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ใช้กับบริการ และ/หรือผลิตภัณฑ์ ของบุคคลที่สามเหล่านั้น

5. ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านจะต้องทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงาน มีความเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และถูกต้อง โดยจะต้องแจ้งหน่วยงานเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดย

• ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่/ผ่านทาง แอปพลิเคชันของหน่วยงาน
• ติดต่อตัวแทนของหน่วยงานที่ อีเมล [email protected]

หน่วยงานจะขอให้ท่านปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเป็นครั้งคราว เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ถูกต้อง และสมบูรณ์

6 สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้สถานการณ์บางประการ ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยหน่วยงานจะเคารพสิทธิของท่าน และจะดำเนินการตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ หรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านอย่างทันท่วงที

รายละเอียดของสิทธิของท่านเป็นไปตามที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้

• สิทธิในการขอถอนความยินยอม: ในกรณีที่หน่วยงานเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมที่จะให้หน่วยงานเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ หน่วยงานอาจเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหากหน่วยงานมีฐานอื่นในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
• สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงและขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากหน่วยงาน
• สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์ ทั้งนี้ โปรดอ่านรายละเอียดการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลในข้อ 5. (ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล)
• สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ในกรณีที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรให้หน่วยงานเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป โดยท่านสามารถใช้สิทธิในการขอให้หน่วยงานลบข้อมูลส่วนบุคคลนี้ควบคู่ไปกับสิทธิในการคัดค้านในข้อถัดไป อย่างไรก็ตาม สิทธินี้มิใช่การให้สิทธิที่จะขอให้หน่วยงานลบข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ก็ได้ทั้งหมด โดยหน่วยงานจะพิจารณาแต่ละคำขออย่างระมัดระวังตามข้อกำหนดในกฎหมายใด ๆ อันเกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
• สิทธิในการขอให้มีการจำกัดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย: ท่านมีสิทธิขอให้หน่วยงานระงับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านชั่วคราว เช่น เมื่อท่านต้องการให้หน่วยงานแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หรือเมื่อท่านร้องขอให้หน่วยงานพิสูจน์เหตุผล หรือฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
• สิทธิในการเคลื่อนย้ายข้อมูล: ในบางกรณี ท่านสามารถขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่สามารถใช้งานโดยทั่วไปได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ สิทธิดังกล่าวนี้จะใช้ได้เฉพาะในกรณีของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านส่งมอบให้แก่หน่วยงาน และการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้กระทำโดยอาศัยความยินยอมของท่าน หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันภายใต้สัญญาได้
• สิทธิในการคัดค้าน: ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่หน่วยงานเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยภายใต้ฐานผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงาน นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหากหน่วยงานเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมสุขภาพ และเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ (Profiling)

ท่านสามารถยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ท่านเห็นว่า หน่วยงาน พนักงานของหน่วยงาน หรือผู้ให้บริการของหน่วยงานฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ.ฯ”) หรือประกาศอื่น ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจพ.ร.บ.ฯ ดังกล่าว

ท่านอาจใช้สิทธิใด ๆ ของท่านได้ตลอดเวลาโดยติดต่อหน่วยงานผ่านทางช่องทางการติดต่อตามที่ระบุไว้ในข้อ 10. (ช่องทางการติดต่อหน่วยงาน) ด้านล่าง หน่วยงานอาจคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมตามสมควรหากคำขอของท่านไม่มีมูล ซ้ำซ้อน หรือมีมากเกินความจำเป็นอย่างชัดเจน ในอีกทางหนึ่ง หน่วยงานอาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำขอของท่านในสถานการณ์เหล่านั้นได้

หน่วยงานอาจมีความจำเป็นต้องขอข้อมูลบางประการจากท่านเพื่อใช้ในการพิสูจน์ตัวตนของท่าน และรับรองสิทธิของท่านในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (หรือเพื่อใช้สิทธิอื่นใด) โดยเป็นมาตรการความปลอดภัยที่จะทำให้ท่านมั่นใจได้ว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่ถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่ไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ หน่วยงานอาจติดต่อท่านเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำขอของท่าน เพื่อที่หน่วยงานจะได้สามารถดำเนินการตอบกลับได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

หน่วยงานจะใช้ความพยายามในการตอบกลับคำขอที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดภายใน 30 วัน ในบางกรณี หน่วยงานอาจใช้เวลามากกว่า 30 วันหากคำขอของท่านมีความซับซ้อน หรือท่านยื่นคำขอเข้ามาเป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งคำขอ ในกรณีดังกล่าว หน่วยงานจะแจ้งให้ท่านทราบ และจะแจ้งสถานะของคำขอให้ท่านทราบอยู่เสมอ

การจัดการกับเรื่องร้องเรียน

ท่านสามารถติดต่อหน่วยงานเพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการที่หน่วยงานเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ที่ อีเมล [email protected] และหน่วยงานจะพิจารณาคำขอของท่านโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ การร้องเรียนต่อหน่วยงานนี้ไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของท่านในการร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ หรือคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

7. ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ข้อมูลถือเป็นทรัพย์สินของหน่วยงาน ดังนั้น หน่วยงานจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง โดยหน่วยงานจะตรวจสอบ และใช้มาตรการคุ้มครองความปลอดภัยขององค์กรทั้งทางกายภาพ เชิงเทคนิค และเชิงบริหารที่ทันสมัยอยู่เสมอเมื่อเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ หน่วยงานได้วางนโยบาย และมาตรการควบคุมภายในเพื่อให้ท่านมั่นใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่สูญหาย ถูกทำลายโดยไม่ตั้งใจ ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ถูกเปิดเผย และถูกเข้าถึงโดยบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงาน โดยพนักงานของหน่วยงานนั้น ได้รับการอบรม และฝึกฝนให้จัดการกับข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย หากพนักงานไม่ปฏิบัติตามที่ได้รับการอบรมฝึกฝนดังกล่าว พนักงานจะได้รับโทษทางวินัย

8. หน้าที่ของท่าน

ท่านมีหน้าที่ตรวจสอบว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับหน่วยงาน ไม่ว่าจะด้วยตัวของท่านเอง หรือในนามของท่าน มีความถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน และมีหน้าที่ต้องแจ้งให้หน่วยงานทราบโดยเร็วที่สุดหากข้อมูลดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลง

เมื่อท่านเข้าทำสัญญากับหน่วยงานแล้ว ท่านจะมีหน้าที่ตามสัญญาในการส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่หน่วยงาน เพื่อให้ท่านสามารถใช้สิทธิทางกฎหมายได้ การไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าวอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียสิทธิทางกฎหมาย

ท่านมีความจำเป็นที่จะต้องส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลการติดต่อ และข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมให้กับหน่วยงาน เพื่อให้หน่วยงานสามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ หากท่านไม่ส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว อาจทำให้หน่วยงานไม่สามารถใช้สิทธิ และปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันที่เกิดขึ้นจากสัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

9. การแก้ไขประกาศความเป็นส่วนตัว

หน่วยงานจะตรวจสอบประกาศความเป็นส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ จึงอาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง สำหรับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนั้น สามารถดูได้จากวันที่ด้านบนของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

10. ช่องทางการติดต่อหน่วยงาน

ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือต้องการใช้สิทธิใด ๆ โปรดติดต่อหน่วยงาน ที่

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อีเมล [email protected]

หมายเหตุ ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้มีผลใช้บังคับเมื่อบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (ตามที่อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติม) ที่เกี่ยวข้องมีผลใช้บังคับกับหน่วยงาน